วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทที่ 9 ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 2 กระบวนการจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์

กระบวนการจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์
          ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์(E-Payment)
ในชีวิตประจำวันของประชาชนมีความเกี่ยวข้องกับการชำระเงินอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า/บริการ การโอนเงิน หรือการทำธุรกรรมการเงินอื่นใด การขยายตัวของเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้การบริการด้านการชำระเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยรูปแบบการชำระเงินมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น การให้บริการมีความรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้นสอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน และมีผู้ให้บริการรายใหม่ๆ เกิดขึ้น รวมทั้งมีการนำเอากระบวนการชำระเงินเข้าไปในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเรียกกันว่า ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Payment)
Electronic Payment system (ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์) คือ กระบวนการส่งมอบหรือโอนสื่อการชำระเงินเพื่อชำระราคา   โดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม โทรสาร โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ขั้นตอนการชำระเงิน
1.ตกลงซื้อสินค้า กรอกข้อมูลบัตรเครดิต *ข้อมูลส่วนนี้ทางร้านไม่สามารถเห็นได้
2.ส่งข้อมูลไปยัง Acquiring Bang (ธนาคารที่ฝ่ายร้านค้าใช้บริการอยู่)
3.Acquiring Bang ทำการตรวจสอบมายังธนาคารผู้ออกบัตร ว่าบัตรเป็นของจริงและสามารถใช้ได้
4.Acquiring Bang ทำการเรียกเก็บเงินจากธนาคารผู้ออกบัตรz
5.ธนาคารผู้ออกบัตรโอนเงินไปยัง Acquiring Bang เข้าสู่บัญชีร้านค้า
6.ส่งข้อมูลการชำระกลับไปยังร้านค้า
7.ร้านค้าส่งข้อมูลการชำระกลับไปยังลูกค้า เพื่อยืนยันการสั่งซื้อ
(E-Payment) มีกระบวนการการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากที่สุด ดังนี้
1.สั่งซื้อและส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตไปให้ผู้ขาย
2.ผู้ขายยืนยันส่งข้อมูลการสั่งซื้อกลับมายังผู้ซื้อ
3.ผู้ขายรับข้อมูลการสั่งซื้อ(มองไม่เห็นเลขบัตรเครดิต)
4.ผู้ขายส่งข้อมูล Encrypted Payment ไปยังเครื่องบริการด้านการจ่ายเงินทาง online (Cyber Cash Server)
5.Cyber Cash Server รับข้อมูลผ่านทาง Fire wall ถอดรหัสข้อมูลลูกค้าและส่งไปยังธนาคารผู้ขายและผู้ซื้อ
6.ธนาคารผู้ขายร้องขอให้ธนาคารผู้ซื้อรับจ่ายเงินตามจำนวนเงินตามยอดบัตรเครดิต
7.ธนาคารผู้ซื้อตรวจสอบข้อมูล แล้วส่งกลับไปว่าอนุมัติหรือไม่ และ transfer ยอดเงินให้ผู้ขาย
8.Cyber Cash Server รับข้อมูลส่งต่อไปยังผู้ขายเพื่อส่งข้อมูลไปยังผู้ซื้อต่อไปปัจจัยสู่ความสำเร็จ


ปัจจัยแห่งความสำเร็จมี 4 ประเด็น คือ
(1) การบริการลูกค้า เทคโนโลยีต้องเข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรกับประชาชน ลดขั้นตอนทางราชการที่ยุ่งยากซับซ้อน ให้สารสนเทศที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการ
(2) การออกแบบและประเมินผล บริการต้องมีการบริหารจัดการที่ดีและรักษาระบบให้มีเสถียรภาพแม้ในภาวะวิกฤติ กำหนดนโยบายและกระบวนการรับข้อร้องเรียนที่ชัดเจน ติดตามผลและปรับปรุงระบบช่วยสร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
(3) ความมั่นคง-ปลอดภัย บริการต้องอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมออนไลน์ และให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล
(4) การเห็นคุณค่าและความสำคัญ บริการที่ดีต้องถูกให้ความสำคัญในลำดับสูงสุดจากทุกภาคส่วน ผู้นำประเทศ นักการเมืองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ระดับสูง และพนักงานของรัฐ ต้องให้การสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้และตอบข้อสงสัยแก่ประชาชนผ่านการสื่อสารสองทางอย่างประสิทธิภาพ
(5) การรักษาความปลอดภัย
ความต้องการการรักษาความปลอดภัย (security requirements) มีองค์ประกอบ ดังนี้
1.ความสามารถในการระบุตัวตนได้ (Anthentication)
2.ความเป็นหนึ่งเดียวของข้อมูล (Integriry)
3.ความไม่สามารถปฏิเสธได้ (Non-repudiation)
4.สิทธิส่วนบุคคล (Privacy)
 วิธีการรักษาความปลอดภัย
การใช้รหัส (Encryption)
ใบรับรองทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic certificate)
โปรโตคอล (Protocols)
ประโยชน์ e-payment ในองค์กร
1.การสั่งชำระเงิน และการรับชำระเงินมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
         ด้วยระบบ E - Pay ท่านไม่จำเป็นต้องเดินทางไปชำระเงินด้วยวิธีการเดิมๆ อีกต่อไป ท่านสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร และเวลาที่เสียไปจากการเดินทางรวมถึงความเสี่ยงจากการถือเงินสด เป็นต้น
2.เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารการเงิน
         เนื่องจากการบริการ E - Pay เป็นการชำระเงินแบบ Online และ Real Time จึงเพิ่มความสะดวกในกรณีที่ท่านต้องการสั่งชำระเงินเป็นกรณีเร่งด่วนโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางเพื่อไปชำระเงินเหมือนระบบเดิม โดยผู้รับเงินสามารถรับเงินและนำเงินไปบริหารต่อได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 นาที โดยไม่ต้องรอการเคลียร์ริ่งของธนาคาร ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงินสดของบริษัทอีกทางหนึ่ง


3.ลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลการทำรายการ
        ระบบ E - Pay จะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาใช้ เช่น เลขที่บัญชีผู้มีอำนาจในการสั่งจ่าย ,
วงเงินในการสั่งจ่าย เป็นต้นทำให้ท่านสามารถทำงานได้รวดเร็วและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดพิมพ์เอกสารได้ทำให้การดำเนินงานทางด้านบัญชีและการเงินของบริษัทจึงมีความสะดวก รวดเร็ว
และถูกต้องมากยิ่งขึ้น
 4.การยืนยันการตัดบัญชีและการนำเงินเข้าบัญชี
ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้สั่งชำระเงิน หรือรับชำระเงินก็จะได้รับข้อความยืนยันการตัดบัญชี (Debit Advice) และข้อความยืนยันการนำเงินเข้าบัญชี (Credit Advice) จากธนาคารผ่านระบบ E - Payเมื่อรายการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์โดยท่านไม่ต้องสอบถามผลของการทำรายการไปที่ธนาคารโดยตรง
5.เสริมสร้างความคล่องตัวในการทำงาน
ท่านสามารถเลือกใช้บริการกับธนาคารต่างๆ ที่เข้าร่วมให้บริการ หรือเปลี่ยนแปลงไปใช้ธนาคารอื่นในภายหลังก็ทำได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเปลี่ยนโปรแกรมหรือขั้นตอนการทำงานแต่อย่างใด



บทที่ 9 ระบบพาณิชณ์อิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 1 ขอบเขตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

การจัดการสืบค้นข้อมูล
          การใช้งานงานอินเทอร์เน็ตที่นิยมใช้กันอย่างมาก จะได้แก่การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อหาความรู้ แต่การเข้าเยี่ยมชมนั้น ในกรณีที่เรารู้ว่าเว็บไซต์เหล่านั้นมีชื่อว่าอะไร เนื้อหาของเว็บ มุ่งเน้นเกี่ยวกับสิ่งใด เราสาสามารถที่จะเข้าเยี่ยมชมได้ทันที่ แต่ในกรณีที่เราไม่ทราบชื่อเว็บเหล่านั้น แต่เรามีความต้องการที่จะค้นหาเนื้อหาบางอย่าง มีวิธีการจะเข้าสืบค้นข้อมูลได้ โดยการใช้ความสามารถของ Search Engine
Search Engine จะมีหน้าที่รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่ ผู้ใช้งานเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้วป้อน คำหรือข้อความของหัวข้อนั้นๆ ลงไปในช่องที่กำหนด คลิกปุ่มค้นหา เท่านั้น ข้อมูลอย่างย่อๆ และรายชื่อเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจะปรากฏให้เราเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ทันที
Search Engine แต่ละแห่งมีวิธีการและการจัดเก็บฐานข้อมูลที่แตกต่างกันไปตามประเภทของ Search Engine ที่แต่ละเว็บไซต์นำมาใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ดังนั้นการที่จะเข้าไปหาข้อโดยวิธีการ Search นั้น อย่างน้อยเราจะต้องทราบว่า เว็บไซต์ที่จะเข้าไปใช้บริการ ใช้วิธีการหรือ ประเภทของ Search Engine อะไร เนื่องจากแต่ละประเภทมีความละเอียดในการจัดเก็บข้อมูลต่างกันไป



บทที่ 8 ระบบธุรกิจในองค์กรขนาดใหญ่ เรื่องที่ 2 ผลประโยชน์และความท้าทายของ CRM

ผลประโยชน์และความท้าทายของ CRM
โครงสร้างขององค์กรทั่วไป แบ่งเป็น 4 ระดับ คือ
ระดับกำหนดกลยุทธ์ (Strategic Level)
ระดับการบริหาร (Management Level)
ระดับผู้ชำนาญการ (Knowledge and Data Workers Level)
ระดับปฏิบัติการ (Operational Level)
โครงสร้างขององค์กรตามกลุ่มหน้าที่การทำงาน แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ
 กลุ่มการขาย และการตลาด (Sales and Marketing)
 กลุ่มการผลิต (Manufacturing)
 กลุ่มการเงิน (Finance)
 กลุ่มการบัญชี (Accounting)
 กลุ่มทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource)



บทที่ 8 ระบบธุรกิจในองค์กรขนาดใหญ่ เรื่องที่ 1 การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) คืออะไร?

การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) คืออะไร?
          ความสำคัญของการบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มความสัมพันธ์อันดีให้กับลูกค้า เพิ่มรายได้ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายในการแสวงหาลูกค้า และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ( Customer Satisfaction ) โดยการสร้างกระบวนการทำงานและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้าจำนวนผู้ประกอบการ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน สามารถนำแนวทางการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ เช่น แนวทางที่สำคัญในการจัดการระบบการบริหารงานและสร้างมาตรฐานการทำงานในบริษัท เช่น การรวบรวมเกี่ยวกับข้อมูลของลูกค้า , การจัดการเกี่ยวกับช่องทางการสื่อสารและการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อสนองตอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการ



บทที่ 7 ระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 2 เครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์

เครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์
การสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Data Communications)
การสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของระบบการสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของระบบการสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถจำแนกได้ดังนี้
1. ผู้ส่งสาร (Sender) หรือ แหล่งกำเนิดข่าวสาร (Source)
2. ผู้รับสาร (Receiver) หรือ จุดหมายปลายทางข่าวสาร (Target)
3. สาร ( Message ) ซึ่งในปัจจุบันมักพบเห็นในรูปของสื่อประสม ( multimedia ) ที่อาจมีทั้งลักษณะที่เป็นข้อความตัวอักษร เสียง ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว
4. สื่อกลาง ( Media )
5. โปรโตคอล (Protocol) และ ซอฟต์แวร์ (Software ) โปรโตคอล (Protocol) หมายถึง กฎระเบียบมาตรฐาน หรือข้อกำหนด ขั้นตอน ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อให้ผู้รับและผู้ส่งสามารถสื่อการกันได้เข้าใจ ซอฟต์แวร์ ( Software ) หมายถึง โปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช่น โปรแกรมรับส่งอีเมล์
ชนิดของสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์
1. สัญญาณแบบอนาล็อก (Analog signal) จะเป็นสัญญาณแบบต่อเนื่องที่ทุกๆค่าที่เปลี่ยนแปลงไป ของระดับสัญญาณจะมีความหมาย เช่น สัญญาณเสียงในสายโทรศัพท์ เป็นต้น
2. สัญญาณแบบดิจิทัล (Digital signal) จะประกอบขึ้นจากระดับสัญญาณเพียง 2 ค่า คือ สัญญาณ ระดับสูงสุด และสัญญาณระดับต่ำสุด ดังนั้นจะมีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสูงกว่าแบบอนาล็อก เนื่องจากมีการใช้งานค่าสองค่า เพื่อนำมาตีความหมายเป็น on / off หรือ 0 / 1 เท่านั้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน
การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange: EDI)
การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDI เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย เช่น โทรศัพท์ สายเคเบิล ดาวเทียม เป็นต้น แทนการส่งเอกสารโดยพนักงานส่งสารหรือไปรษณีย์ ระบบ EDI จะต้องใช้รูปแบบของเอกสารที่เป็นมาตรฐานเพื่อให้หน่วยงานทางธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับมาตรฐานของ EDI ในประเทศไทยถูกกำหนดโดยกรมศุลกากร ซึ่งเป็นหน่วยงานแรกที่นำระบบนี้มาใช้งาน คือ มาตรฐาน EDIFACT (Electronic Data Interchange for Administration, Commerce and Transport) ตัวอย่างของเอกสารที่นำมาใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยระบบ EDI เช่น ใบสั่งซื้อสินค้า ใบเสนอราคา ใบกำกับสินค้า ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี เป็นต้น


บทที่ 7 ระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 1 การป้อนข้อมูล

การป้อนข้อมูล
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์นับว่ามีบทบาทสำคัญต่อมนุษย์เป็นอย่างมากเพราะในชีวิตประจำวันของมนุษย์จะต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลและสารสนเทศอยู่ตลอดเวลา คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ช่วยให้มนุษย์สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแต่การที่คอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลได้นั้นจะต้องมีข้อมูลป้อนเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน คอมพิวเตอร์จึงจะทำการประมวลผลข้อมูลได้ โปรแกรมเอ็กเซลเป็นโปรแกรมสำเร็จประเภทตารางทำงาน ก่อนที่โปรแกรมเอ็กเซลจะทำการประมวลผลได้นั้น จะต้องมีการป้อนข้อมูลลงในตารางทำงานก่อน ซึ่งขั้นตอนของการป้อนข้อมูลลงในตารางทำงานนั้นจะต้องมีการระบุเซลที่จะป้อนข้อมูลให้เป็นเซลทำงาน

3.1 การป้อนข้อมูล
 โปรแกรมเอ็กเซลเป็นโปรแกรมสำเร็จประเภทตารางทำงานที่ถูกออกแบบให้พื้นที่ที่จะป้อนข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ซึ่งส่วนของการใส่ข้อมูลในแต่ละส่วนจะถูกเรียกว่าเซล ดังนั้นการป้อนข้อมูลลงในตารางทำงานก็คือการป้อนข้อมูลลงในเซลนั่นเอง

วิธีป้อนข้อมูลลงในเซล
ข้อมูลที่จะป้อนลงในเซลของตารางทำงานนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทได้แก่
1) ข้อมูลข้อความ ข้อมูลข้อความหมายถึงข้อมูลที่เป็นตัวอักขระหรือข้อมูลที่เป็นตัวเลขแต่เป็นตัวเลขที่ไม่สามารถนำมาคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้
2) ข้อมูลจำนวน ข้อมูลจำนวนหมายถึงข้อมูลที่เป็นตัวเลขที่สามารถนำมาคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้
3) ข้อมูลสูตร ข้อมูลสูตรหมายถึงข้อมูลที่เขียนอยู่ในรูปของสูตรในการคำนวณ
การที่จะนำข้อมูลดังกล่าวใส่ลงในเซลใดให้ใช้เมาส์คลิกที่เซลนั้นให้เป็นเซลทำงานแล้วจึงคลิกเมาส์ที่แถบสูตรจะปรากฏเคอร์เซอร์ที่แถบสูตรให้พิมพ์ข้อมูลลงไปที่แถบสูตรข้อมูลที่พิมพ์จะปรากฏที่แถบสูตรและที่เซลทำงานหรือใช้วิธีการดับเบิลคลิกที่เซลทำงานจะปรากฏเคอร์เซอร์ที่เซลทำงานให้พิมพ์ข้อมูลที่เซลทำงานได้เลยข้อมูลที่พิมพ์ลงไปจะปรากฏที่เซลทำงานและที่แถบสูตรเช่นเดียวกันหลังจากพิมพ์ข้อมูลลงไปในเซล จะต้องมีการยืนยันว่าได้ใส่ข้อมูลลงในเซลแล้วโดยการกดแป้น Enter หรือคลิกที่ Icon ( 3) บนแถบสูตรหรือเลื่อนตัวชี้ไปที่เซลอื่น




บทที่ 6 การสื่อสารโทรคมนาคม ปละเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เรื่องที่ 2 การใช้อินเตอร์เน็ตในธุรกิจ

การใช้อินเตอร์เน็ตในธุรกิจ
1. การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานด้านธุรกิจการศึกษา (Education) เช่น
         1.1 การเรียนรู้ผ่ารนระบบอินเทอร์เน็ต
         1.2 การรับสมัครนักศึกษาเข้าเรียน
         1.3 การดุผลการเรียน
  2. การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในทางด้านธุรกิจการเงินและการธนาคาร (Finance)  เช่น
        2.1 การให้บริการกับลูกค้าด้านการเงิน
        2.2 การฝากเงิน การโอนเงิน และการถอนเงิน
        2.3 การชำระค่าบริการต่างๆ เป็นต้น
3. การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานทางด้านธุรกิจโรงแรม (Hotel) เช่น
        3.1 การเข้าไปดูรายละเอียดสถานที่่พัก
        3.2 การสั่งจองที่พัก
        3.3 การบันทึกข้อมูลการเข้าพัก และการแจ้งเตือนห้องพักของลูกค้า
        3.4 การชำระค่าห้อง เป็นต้น
 4. การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานทางด้านธุรกิจสายการบิน (Airway)
        4.1 การตรวจดูตารางการบิน
        4.2 การจองตั๋วเครื่องบิน
        4.3 การยกเลิกเที่ยวบิน
        4.5 การสำรองที่นั่งล่วงหน้าเป็นต้น
5. การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานทางด้านธุรกิจการแพทย์ (Medical Profession) เช่น
        5.1 การให้บริการทางด้านการแพทย์
        5.2 การค้นหาประวัติของคนไข้
        5.3 การวินิจฉัยโลก
        5.4 การเอ็กซเรย์
        5.5 การชำระเงินค่ารักษา เป็นต้น
6. การนำอินเทอรืเน็ตมาใช้ในงานทางด้านธุรกิจบันเทิง เช่น
        6.1 การดูตารางการฉายภาพยนต์
        6.2 การจองตั๋วชมภาพยนต์ล่วงหน้า
        6.3 การฉายภาพยนต์ตัวอย่าง
        6.4 การฟังเพลงและการดูละครย้อนหลัง
  7. การนำอินเทอร์เน้ตมาใช้ในงานทางด้านธุรกิจการสื่อสาร (Communication) เช่น
        7.1 การรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
        7.2 การเชื่อต่ออินเทอร์เน็ตในการสื่อสาร
8. การนำอินเทอร์เน็ตมาในงานทางด้านธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ (Stock Exchange) เช่น
        8.1 การดูข้อมูลการซื้อ-ขายหุ้น
        8.2 การดูสถิติการขึ้น-ลงของหุ้น
9. การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในงานทางด้านธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ (Printing Media) เช่น
        9.1 การดูข้อมูลข่าวสารประจำวัน
        9.2 การส่งรูปภาพหรือข่าวสารให้สำนักงานข่าว


บทที่ 6 การสื่อสารโทรคมนาคม ปละเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เรื่องที่ 1 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์กร

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์กร
          ระบบธุรกิจในปัจจุบันได้กลายมาเป็นการเชื่อมโยงทำงานระหว่างองค์กร (Internetworked Enterprise) คือ ในองค์กรมีการใช้อินเตอร์เน็ต และการทำงานภายในองค์กรเองมีการใช้อินเตอร์เน็ต (Internet) นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับองค์กรอื่น ห้างหุ้นส่วนอื่นๆ โดยการใช้เอ็กทราเน็ต (Extranet) เครือข่ายคอมพิวเตอร์เหล่านี้ ได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานของทุกๆองค์กร เช่น ในระบบเครือข่ายการสื่อสารทางไกล ผู้บริหารสามารถติดต่อกับผู้ใช้งาน,กลุ่มคนทำงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศร่วมกันระหว่างกลุ่ม ทุกสถานที่ทั่วโลก หรือบางบริษัทอาจติดต่อกับลูกค้า, ร้านค้าปลีกรายย่อย และหุ้นส่วนทางธุรกิจของตนเองได้ ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว




บทที่ 5 การจัดการทรัพยากรข้อมูล เรื่อที่ 2 การจัดการฐานข้อมูล

การจัดการฐานข้อมูล
          ด้วยการจัดเห็บข้อมูลนั้น มีการจัดเก็บข้อมูลไว้แบบกระจัดกระจาย รวบรวมไว้ในแนวทางที่แตกต่างกันยากต่อการเรียกออกมาใช้ ดังนั้น ระบบสารสนเทศ และทรัพยากรข้อมูลจะต้องถูกนำมาจัดการด้วยโครงสร้างที่เป็นเหตุเป็นผลหรือตรรกะเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง มีประสิทธิภาพในการประมวลผล สามารถเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว


บทที่ 5 การจัดการทรัพยากรข้อมูล เรื่องที่ 1 การจัดการทรัพยากรข้อมูล

การจัดการทรัพยากรข้อมูล
          การจัดการทรัพยากรข้อมูลในองค์กร เป็นเรื่องที่สำคัญมาก องค์กรธุรกิจต่างๆไม่สามารถอยู่รอดได้ และประสบความสำเร็จได้ หากปราศจากการจัดการทรัพยากรที่ดีมีคุณภาพ การจัดการทรัพยากรข้อมูลนั้น ผู้บริหารจะต้องรู้ว่า องค์กรธุรกิจของตนจะต้องเอาข้อมูลอะไรบ้างเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจ โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุน โดยหลักการทั่วไปและสิ่งที่องค์กรธุรกิจทั่วไปมักจะมีเหมือนกันคือ การจัดการฐานข้อมูล (Database Management) และข้อมูลโกดังสินค้า (Data Warehousing)



บทที่ 4 คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ เรื่องที่ 2 โปรแกรมตารางคำนวณอิเล็กทรอนิกส์

โปรแกรมตารางคำนวณอิเล็กทรอนิกส์
           เป็นโปรแกรมที่อำนวยความสะดวกในการคำนวณข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่เก็บอยู่ในรูปแบบของตารางที่เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการคำนวณทางคณิตศาสตร์ สถิติ การเงิน การธนาคารการบัญชี หรือใช้ในการวิเคราะห์ธุรกิจ, วางแผน, จัดทำแบบทางธุรกิจ มีสูตรคำนวณ และสร้างตารางได้ดี เช่น Lotus 1-2-3, MS-Excel, Corel QuattroPro



บทที่ 4 คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ เรื่องที่ 1 โปรแกรมกราฟิกนำเสนอ


โปรแกรมกราฟิกนำเสนอ
          ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างภาพกราฟิก สำหรับการนำเสนอผลงานได้ในระดับเดียวกับมืออาชีพทำ สามารถสร้างภาพกราฟิกต่างๆ ที่มีเสียงเพลง หรือเสียงคนพูดประกอบการนำเสนองาน มีภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวได้ มีภาพนิ่ง และวีดีทัศน์ การนำเสนอในลักษณะนี้อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การนำเสนอแบบมัลติมีเดีย  สื่อนำเสนอ เช่น มีภาพ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว วีดีโอ รวมทั้งงานพิมพ์  ที่พิมพ์จาก www. งานมัลติมีเดียต้องมี CD-ROM  Drive ตัวอย่างของโปรแกรมกราฟิกนำเสนองานในปัจจุบันมีหลายโปรแกรมด้วยกัน คือ Microsoft PowerPoint, Lotus Graphics และ Aldus Persuasion เป็นต้น



 


บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ฮารด์แวร์ เรื่องที่ 2 คอมพิวเตอร์เทอร์มินอล


คอมพิวเตอร์เทอร์มินอล
          เทอร์มินินอล (Terminal) หรือบางครั้งเรียกว่า Dumb Termminal จะมีเพียง Keyboards และ Video monitor ซึ่งสามารถประมวลผลได้อย่างมีขีดจำกัด ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วย
Intelligent terminal ซึ่งสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และสามารถรับการป้อนข้อมูลเข้าเครื่อง บางเครื่อง อาจสามารถประมวลผลได้ด้วยตัวเองเป็นอิสระ เทอร์มินอลเหล่านี้รวมไปถึงเทอร์มินอลที่มีใช้กันอย่างกว้าขวางที่ใช้ประมวลผลรายการของระบบธนาคาร เช่น ATM และร้านขายปลีกจานด่วน ซึ่งทำการขาย ณ จุดขาย (POS) ด้วย


 


บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ฮารด์แวร์ เรื่องที่ 1 ประเภทของคอมพิวเตอร์


ประเภทของคอมพิวเตอร์
          ระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีรูปร่างหลายขนาด หลายประเภท เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามความต้องการของผู้ใช้ จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันรูปแบบของคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กมาก เช่น คอมพิวเตอร์มือถือช่วยงานส่วนบุคคล (Personal Digital Assistant PDA) มีการผสมผสานกรมกลืนเข้ากับระบบโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ก้อยังมีคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เช่น
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ลำดับของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานกันอยู่ตอนนี้ คือ คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Mainframe), คอมพิวเตอร์นาดกลาง(Midrange), และไมโครคอมพิวเตอร์(Micorocomputer)


 
 


บทที่ 2 การแข่งขันด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องที่ 2 กลยุทธ์การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

กลยุทธ์การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
          แนวทางที่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปช่วยเป็นกลยุทธ์นั้น คือ ช่วยประหยัดงบประมาณ, องค์การหรือบริษัทนำเอาไปใช้ในลักษณะที่แตกต่างกัน, เอาไปช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่, ทำให้เกิดความเจริญเติบโต และกลยุทธ์สหพันธ์ หรือพันธมิตรโดยหลักๆ คือการใช้อินเตอร์เน็ต และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาช่วยเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขั้นนั่นเอง


           
 

บทที่ 2 การแข่งขันด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องที่ 1 แนวคิดกลยุทธ์การแข่งขัน

แนวคิดกลยุทธ์การแข่งขัน
          บทบาทกลยุทธ์ของระบบสารสนเทศนั้น เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการและความสามารถที่จะให้บริษัทได้กลยุทธ์ที่ดีสำหรับเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันในการทำตลาดแบบไร้พรมแดน การใช้ระบบสารสนเทศสำหรับเป็นกลยุทธ์ในการสนับสนุนการแข่งขัน ส่วนใหญ่เป็นระบบสารสนเทศเกี่ยวกับการประมวลผลรายการ(TPS),
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS), และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (DSS)